ยิ่งรู้จัก ยิ่งรักเธอ "Jacinda Ardern" ผู้นำที่เข้าถึงใจคนทั้งโลก

22 เม.ย.2564 - ProgressTH.org by  ธัญณิชา  เหลิมทอง  (กาติ๊บ) 

หมายเหตุ- บทความนี้เป็นบันทึกของผู้เขียนที่ได้ติดตามการทำงานของ Jacinda Ardern นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ซึ่งผู้เขียนมีความชื่นชมการสื่อสารทางการเมืองของนายกฯ Jacinda เป็นอย่างมาก จึงขอเรียบเรียงเรื่องราวที่ศึกษามาเป็นบทความแบบไม่เป็นทางการมากนัก ซึ่งอาจจะสร้างแรงบันดาลให้เราที่จะทำในสิ่งต่างๆที่เรามี Passion อย่างเต็มที่ เพื่อทำตามความฝันให้สำเร็จได้

 หากจะกล่าวถึงผู้นำที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลก  ย่อมจะเป็นใครไม่ได้นอกจาก Jacinda Ardern นายกรัฐมนตรีของนิวซีแลนด์ ที่มีผลงานการบริหารจัดการโควิด19 ได้เป็นที่ประทับใจคนทั้งโลก ด้วยสถิติที่น่าประทับใจ คือ มีผู้ติดเชื้อ 2600 คน และมีผู้เสียชีวิตเพียง 26 คนเท่านั้น (22 เมษายน 2564) และปัจจุบันนิวซีแลนด์ให้ได้เปิด Travel Bubble กับออสเตรเลียแล้วและยังเป็นประเทศแรกๆ ที่อนุญาตให้ถอด Mask ได้ 
 Credit : https://www.vogue.com/article/jacinda-ardern-new-zealand-prime-minister-vogue-march-2018-issue

เรามาทำความรู้จักนายกฯหญิง ที่ Powerful มากๆ คนนี้กันดีกว่า  



The little girl with the big vision/mission 

ก่อนอื่นต้องบอกว่า Jacinda เกิดที่  Hamilton ในครอบครัวที่เคร่งศาสนา มีคุณพ่อเป็นตำรวจ คุณแม่ทำงานในโรงอาหาร และที่บ้านก็เหมือนชาวกีวีทั่วๆไปที่มีฟาร์มเป็นของตัวเอง Jacinda ก็เช่นกัน สามารถขับรถแทรกเตอร์ได้ และชอบขับกระบะโตโยต้า มากกว่ารถยี่ห้ออื่น ซึ่งพูดง่ายๆคือ เป็นคนที่ลุยมากนั่นเอง 

ตอนอายุประมาณ 14 ปี คุณแม่ของ Jacinda ได้พาไปสมัครงาน และนั่นก็คือ ร้าน Fish and Chips ซึ่งเป็นร้านที่พบเห็นโดยทั่วไปในนิวซีแลนด์ โดย Jacinda ทำงานอยู่ที่ร้าน Golden Kiwi ซึ่งเป็นร้านเก่าแก่ของพื้นที่นั้น โดย Jacinda มีหน้าทำทุกอย่างในร้านนั้น ไม่ว่าจะเป็น ทอด เสิร์ฟ และห่อ (Take away) โดย Jacinda จะทำงานยุ่งมากในคืนวันศุกร์ ในขณะที่เด็กคนอื่นๆ อาจจะไปปาร์ตี้กันอยู่ 

Jacinda เข้าเรียนมัธยมทั้งตอนต้นและตอนปลายที่ Morrinsville College ที่นั่น  Jacinda ถือว่าเป็นเด็ก Nerd ที่ไม่เหมือนใคร เพราะทั้งใจเรียนและทำกิจกรรมต่างๆ เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น การเป็นคณะกรรมการโรงเรียน การอยู่ทีมโต้วาที การเข้าแข่งขันประกวดสุนทรพจน์ ประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ และ เป็นนักบาสเกตบอล 

 รวมถึง การเป็นนักกิจกรรมในการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างๆ (Advocacy) เช่น เรื่องเครื่องแบบนักเรียน การขอให้โรงเรียนอนุญาตให้นักเรียนหญิงใส่กางเกงขาสั้นได้ ถ้าอยากจะใส่ แต่ตัว Jacinda เองใส่กระโปรงตลอด แต่ทุกวันนี้ที่โรงเรียน Morrinsville College  มีเด็กนักเรียนหญิงใส่กางเกงขาสั้นเป็นเครื่องแบบนักเรียนไม่น้อยเดียว 

แต่จุดที่ทำให้ Jacinda เหนือและโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ  คือ Jacinda  เป็นคนที่เห็นอกเห็นใจคนอื่นและมี Passion ที่สูงมาก และนี่คือ เหตุที่  Jacinda ให้ความสนใจเรื่องการเมือง 

 เธอบอกว่า ตอนนั้นก็ไม่ค่อยรู้นะ เรื่องความไม่เท่าเทียมอะไรต่างๆ  จนกระทั่งวันหนึ่งไปข้างนอกกับครอบครัว แล้วเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไม่มีรองเท้าใส่  ไม่มีเงินซื้อข้าวกิน และก็เห็นว่าทำไมเด็กคนนั้นไม่มีเหมือนที่เธอมี  ทำไมไม่เท่ากัน  ทำไม่เหมือนกัน 

และวันนั้น  Jacinda  ก็รู้สึกว่ามันต้องมีการเปลี่ยนแปลง  ทุกคนควรมีจะโอกาส  ความเป็นอยู่ สวัสดิภาพ สวัสดิการที่เท่าๆๆกัน   

ในการเรียนจบ ม.ปลาย ทุกคนต้องแยกย้ายไปเรียนตามที่แต่ละเลือกเส้นทางของตัวเอง  และมีการทำนายว่าใครเหมาะที่จะเป็นอะไร และ แน่นอนว่า   Jacinda เองก็ถูกเพื่อนๆ คาดหมายจะต้องเป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน เพราะ Active เรื่องการเมืองมาก 

  Jacinda  พบว่า การสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ได้ผลที่สุด เร็วที่สุด ทำให้ได้มากที่สุด คือ การเข้าสู่วงการการเมือง   ทำให้  Jacinda  หาความรู้ให้ตัวเองในเรื่องนี้  

โดย  Jacinda ได้มีโอกาสเข้ามาเรียบๆ เคียงๆ ในวงการการเมืองตั้งแต่อายุ 17 เพราะมีป้าเป็นสมาชิกของพรรคแรงงานและเป็นผู้จัดการการหาเสียงให้กับ สส.คนหนึ่งใน พรรคแรงงาน  และ Jacinda ได้มีโอกาสเข้ามาทำแคมเปญ หาเสียงนี้ด้วย ในฐานะตัวแทนเยาวชนที่มีความโดดเด่นของพรรคแรงงานด้วย  
 

https://thespinoff.co.nz/books/30-03-2020/madeleine-chapman-just-how-cool-was-jacinda-ardern-in-high-school/

ต่อมา   Jacinda  ได้เข้าเรียนคณะรัฐศาสตร์  พร้อมกับเรียนเรื่องการสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ ที่มหาวิทยาลัย  Waikato   ทำให้เธอยิ่งมีความโดดเด่นมากขึ้นไปอีก  เพราะเข้าใจทั้งในแง้รัฐศาสตร์  เรื่องผลประโยชน์ของชาติ/รัฐ และ การสื่อสารทางการเมืองที่เข้าถึงประชาชนทุกคน 

โดยเฉพาะเรื่องการสื่อสาร  Jacinda บอกว่า เธอติดตาม Twitter ของ Barack Obama  (ตอนปี 2008) และคิดว่าเธอก็สามารถทำแบบนี้ได้ จึงเป็นที่มาของการใช้ Platform Social media  ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Facebook, IG และ Twitter โดยมีผู้ติดตามเป็นล้านๆคน โดย Jacinda จะโพสต์ลง FB และ IG ทุกวัน 

หลังจากเรียนจบในปี  2001 Jacinda ได้เข้าทำงานเป็นนักวิจัยด้านนโยบายของรัฐบาล Helen Clark และจากนั้นได้เดินทางไปหาประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานทางการเมือง เช่นการทำงานที่สำนักงานของรัฐบาลนายก Tony Blair และการทำงานด้านนักกิจกรรมเยาวชนที่สหรัฐ 

หลังจากนั้นได้เดินทางกลับมาที่นิวซีแลนด์และได้รับการเลือกตั้งในปี 2008 และได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2017 ในวันที่ Jacinda มีอายุเพียง 37 ปี ซึ่งถือว่าเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงที่อายุน้อยที่สุดในโลก  

อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้ หากได้ทบทวนเส้นทางของ Jacinda จะพบว่านี่ไม่ใช่ความสำเร็จเพียงชั่วข้ามคืน  แต่เป็นความพยายามที่ใช้เวลาถึง 20 ปี 

ในเรื่องนี้ คุณพ่อของ Jacinda ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนวันที่ Jacinda ได้เป็นนายกรัฐมนตรีว่า เขารู้ว่าเด็กผู้หญิงอายุ17 ปี ในตอนนั้นจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีในอีก 20 ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน เพราะ Jacinda มีความมุ่งมั่นในทางการเมืองมาโดยตลอด  แม้จะตื่นเต้นที่ลูกสาวได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็ไม่แปลกใจที่ Jacinda มาถึงวันนี้ได้ เพราะเป็นคนที่ทำงานหนักมาโดยตลอด 

Empathetic and Strong 

Jacinda  ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำที่มีความโดดเด่นในเรื่อง Emphaty  หรือ การแสดงออกซึ่งความเห็นอกเห็นใจ  จนบางครั้งก็ได้รับการทักท้วงว่า เป็นผู้นำจะแสดงอาการแบบนี้ออกมาไม่ได้  เป็นผู้นำต้องมีความเข้มแข็ง/แข็งแกร่ง  แต่ Jacinda ก็ตอบไปว่า ผู้นำสามารถมีทั้งความเข้มแข็งและอ่อนโยนในเวลาเดียวกันได้ 

 
ในเรื่องนี้ Jacinda ได้อย่างออกเข้มแข็งและได้ใจ กรณีมีผู้ก่อการร้ายบุกยิงมัสยิสต์ชาวมุสลิมที่เมืองไครซ์เชิร์ช เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2019  Jacinda ได้ไปถึงที่เกิดเหตุและใส่ผ้าคลุมผมเหมือนชาวมุสลิม และเข้าไปกอดเหยื่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ และพูดว่า  'They are us" เพื่อปลุกความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันให้กับคนนิวซีแลนด์ 

 และย้ำว่า  ประเทศนี้เป็นประเทศที่คนเลือกมาอยู่ที่นี่เพราะเป็นประเทศที่ปลอดภัยและสงบสุข  และยอมรับความหลากหลาย เพราะฉะนั้น เราไม่มีพื้นที่ให้กับผู้ก่อการร้ายและขอประณามการกระทำดังกล่าวอย่างเต็มที่  

 Jacinda สวมกอดเหยื่อจากความสูญเสียในเหตุการณ์การก่อการร้าย ที่  มัสยิด ไครซ์เชิรช  https://fortune.com/worlds-greatest-leaders/2019/jacinda-ardern/


หลังจากนั้น   Jacinda ได้แก้กฎหมายต่างๆ ในการแบนอาวุธสงครามทันทีใน 7 วัน ซึ่งเป็นการออกกฎหมายที่เร็วมาก 

ต่อจากนั้น ในเดือน มี.ค. ปี 2020  Jacinda ได้แสดงถึงความมีวุฒิภาวะผู้นำอีกครั้งที่โลกทั้งโลกต่างให้การยอมรับและชื่นชม  ในเรื่องการบริหารจัดการ Covid19   โดยเฉพาะการแถลงข่าวเรื่องการ Lockdown ประเทศนิวซีแลนด์ ถ้าจำไม่ผิดการ lockdown ของนิวซีแลนด์เกิดขึ้นพร้อมๆกับประเทศไทย คือมีการประกาศ วันที่ 24 มีนาคม 2563 และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 26  มีนาคม 2563  เหมือนประเทศไทย ที่มีการประกาศพรก.ฉุกเฉินควบคุมโควิด19 ในตอนนั้น 

 การแถลงข่าวประกาศ  Lockdown นิวซีแลนด์ของ Jacinda ได้รับการชื่นชมไปทั่วโลก 


การแถลง Lockdown ของ นายกฯ Jacinda  ในตอนนั้น  เป็นการใช้มาตรการจาก "หนัก ไปหา เบา" ไม่ใช่ "เบา" ไปหา "หนัก" แบบที่ประเทศอื่นๆ ทำ โดยนิวซีแลนด์เริ่มต้นจากการ  Lockdown เมืองทันที  เพื่อ Flating the curve ทั้งที่ตอนนั้นมีการระบาดแค่ 102 เคส เท่านั้น  แต่ Jacinda ก็ตัดสินใจ  Locksdown ทั้งหมด และบอกว่า อิตาลีก็เคยอยู่ในตัวเลขการระบาดแบบนี้มาก่อน (Same with Italy once)  

นอกจากความเด็ดขาดในการตัดสินใจแล้ว  Jacinda  ยังมีความโดดเด่นด้วยถ้อยคำที่ประชาชนสามารถสัมผัสถึงวิกฤตที่จะเกิดขึ้นได้ โดย Jacinda ได้แจ้งต่อประชาชนอย่างชัดเจนว่าการ Lockdown ที่เกิดขึ้นจะนำไปสู่อะไรบ้าง โดยมีรายละเอียดอย่างชัดเจนในเรื่องต่างๆ เช่น  การบอกว่าทุกสถานที่จะต้องถูกปิดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น โรงหนัง  พิพิธภัณฑ์ สนามเด็กเล่น พร้อมบอกด้วยว่า อีก 48  ชั่วโมง การเดินทางขนส่ง ต่างๆ จะต้องหยุดเช่นกัน 

การสื่อสารของ Jacinda เหมือนแม่ทัพในการบัญชาการรบ (กับไวรัส) ซึ่งทำให้ประชาชนที่ได้ฟังการแถลงข่าวรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของ "ทีม" และพร้อมให้ความร่วมมือ  จนนิวซีแลนด์สามารถควบคุมไวรัสได้สำเร็จ  โดยในตอนนั้น  Jacinda ได้ทิ้งท้ายการแถลงว่า ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบและเอื้ออาทรต่อกันและกัน (  Be Calm and be Kind) 

โดยในช่วงที่มีการ Lockdown  Jacinda จะ Live FB เพื่ออัพเดทประชาชนในเรื่องต่างๆตลอด  โดยมักอยู่ในชุดอยู่บ้านสไตล์แม่ลูกอ่อน สร้างความประทับและความรู้สึกใกล้ชิดให้กับประชาชน  ที่ได้เห็นผู้นำก็อยู่สภาพ Lockdown คล้ายๆ กัน  ยิ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนมากขึ้นไปอีกกว่าเราจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปด้วยกัน 

หลังจากใช้เวลากว่า 1 เดือนครึ่ง  นิวซีแลนด์สามารถลดกราฟลงมาเหลือศูนย์สำหรับ  โดย Jacinda กล่าวว่า ขอบคุณ “Team of five million”  ซึ่งหมายถึงประชาชนทั้ง 5 ล้านของนิวซีแแลนด์ที่รวมฝ่าด้วยกัน จนทำให้สามารถชนะไวรัสได้ 

 ทั้งนี้  Jacinda  จะใช้คำว่า "We" มากกว่า คำว่า "I" ก็ยิ่งทำให้ชาวกีวี  รู้สึกถึงความจริงใจและอยากให้ความร่วมมือกับนายกฯคนนี้มากขึ้นไปอีก  จนนิวซีแลนด์เป็นประเทศแรกๆของโลกที่สามารถเปิด Mask ได้ 

วันที่นิวซีแลนด์ประกาศชัยชนะในการควบคุมโควิด19  Jacinda ได้พูดติดตลกว่า " I can dance a bit" ซึ่งสามารถสื่อสารถึงความจริงใจที่สามารถฝ่าฟันมาในวันนี้ได้ และบอกด้วยว่าหากไวรัสกลับมาอีก ก็ขอให้ทุกคนเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของไวรัส 


Improving women’s rights

นอกจากนี้ Jacinda ยังเป็นต้นแบบ (Role model)  ในเรื่องการการใส่ใจและการแสดงบทบาทของความเป็นผู้หญิง  ที่สามารถทำทุกอย่างได้ดีในเวลาเดียวกันทั้งงานของชาติและเรื่องครอบครัว 

โดย ในการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี  Jacinda ถือเป็นผู้นำหญิงคนที่สอง ของโลกที่มีลูกระหว่างการดำรงตำแหน่ง (คนแรกคือ   ซึ่งก็มีคำถามในเรื่องนี้ว่า  จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะมีลูกและทำงานเป็นนายกรัฐมนตรีในเวลาเดียวกัน   

โดย Jacinda ตอบกลับคำถามนี้อย่างถึงใจว่า เป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ว่าปัจจุบันยังมีคำถามเหล่านี้อยู่   เพราะผู้หญิงสามารถทำได้ และทำได้ดีด้วย  ซึ่ง Jacinda ก็ได้ทำให้ดู โดยคลอดลูกสาว ช่วงเดือน มิถุนายน  2018  ชื่อ  Neve Te Aroha   

โดย Neve  แปลว่า “bright and radiant” and “snow” เพราะเกิดในช่วงกลางฤดูหนาว  ขณะที่ชื่อที่สอง  Te Aroha เป็นภาษาเมารี  ซึ่งเป็นภาษาเมารี ซึ่งคนพื้นเมืองของนิวซีแลนด์ แปลว่า ความรัก  ซึ่งเป็นชื่อที่เธอได้รับจากชาวบ้านชาวเมารี เป็นของขวัญในช่วงการลงพื้นที่ซึ่งอยู่ในช่วงที่กำลังท้อง 

https://www.elle.com/culture/career-politics/a23454783/prime-minister-jacinda-ardern-baby-un-assembly/


ทั้งนี้ Jacinda ใช้เวลาในการลาคลอดแค่ 6 สัปดาห์เท่านั้น  และหลังจากหนูน้อย  Neve อายุได้เพียง 3 เดือนก็ต้องเดินทางไปประชุม UN กับแม่ที่ประเทศสหรัฐ โดยในตอนนั้นถือเป็นเรื่องแปลกใหม่มาก  สำหรับการเป็นนายกรัฐมนตรีแม่ลูกอ่อน 

 โดย Jacinda บอกแบบติดตลกๆว่า  ต้องพาลูกมาด้วย เพราะเลี้ยงลูกด้วยนม และ I have to keep her alive.  และย้ำว่า การทำแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด ผู้หญิงในโลกก็ทำแบบนี้ ที่เลี้ยงลูกไปด้วยทำงานไปด้วย 

Jacinda มีความมุ่งมั่นในเรื่องการพัฒนาความเท่าเทียมทางเพศ  เพราะเชื่อมั่นว่า ไม่ควรมีกำแพงในเรื่องนี้ เพราะศักยภาพของผู้หญิงและผู้ชายนั้นเท่าเทียมกัน   โดยต้นแบบนี้ เธอได้จากการทำงานของ Helen Clark  อดีตนายกรัฐมนตรี และเรื่องข้อสงสัยเหล่านี้ก็ไม่มีอีกเลย 

 Jacinda มักจะถูกถามเรื่องความเท่าเทียมทางเพศเสมอ ซึ่งเธอก็บอกไปว่า ไม่เคยมีความคิดเรื่องนี้อยู่ในหัวเลย เพราะเชื่อมั่นว่าเราทุกคนไม่ว่าจะเพศใดๆก็มีความเท่าเทียมกัน  และตั้งใจจะพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้หญิงนิวซีแลนด์ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้ให้ได้  

ด้วย Mission  นี้ทำให้ Jacinda ไม่เคยมองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยเลย แม้แต่เรื่อง "การมีประจำเดือน" ของเด็กวัยรุ่นที่ยังมีปัญหาการเข้าถึง "ผ้าอนามัย"  Jacinda ก็หางบประมาณจัดซื้อผ้าอนามัยและให้เด็กๆผู้หญิงเข้าถึงผ้าอนามัยทุกคน 

 มากไปกว่านั้น Jacinda ยังมีนโยบายที่ก้าวหน้าที่ไม่มีประเทศใดทำมาก่อน นั่นคือ การให้ครอบครัวที่ประสบความภาวะการแท้งบุตร สามารถลางานและได้รับค่าตอบแทนนานถึง 6 เดือน โดย Jacinda บอกว่า การแท้ง ไม่ใช่การเจ็บป่วย แต่เป็นการสูญเสียที่ต้องการเวลาในการเยียวยา 

ทั้งหมดนี้ คือ แต่ตัวอย่างถึงความสุดยอดแห่งความเป็นผู้นำแบบใหม่ของโลก ตามแบบฉบับของ Jacinda  Ardern เท่านั้น 


อ้างอิง 

https://en.wikipedia.org/wiki/Jacinda_Ardern
https://www.youtube.com/watch?v=ShWPNtell50&ab_channel=RNZ
https://theconversation.com/a-year-on-from-new-zealands-big-lockdown-the-team-of-5-million-needs-a-new-story-156955
https://www.reuters.com/article/us-newzealand-politics-ardern-idUSKBN1JK00M
https://www.vogue.co.uk/news/article/jacinda-ardern-leadership-style 
https://www.marieclaire.co.uk/entertainment/people/jacinda-ardern-popularity-715953
https://www.theguardian.com/world/2020/may/31/jacinda-ardern-political-leaders-can-be-both-empathetic-and-strong
https://thespinoff.co.nz/books/30-03-2020/madeleine-chapman-just-how-cool-was-jacinda-ardern-in-high-school/
https://www.independent.co.uk/news/world/australasia/jacinda-ardern-most-popular-prime-minister-new-zealand-poll-a9522696.html
https://www.elle.com/culture/career-politics/a23454783/prime-minister-jacinda-ardern-baby-un-assembly/
https://www.bbc.com/news/world-asia-41226232

ติดตาม  ProgressTH.org   Facebook ที่นี่ หรือ Twitter ที่นี่  

https://www.labour.org.nz/jacindaardern

ภาพจาก IG : Jacinda Ardern


 Neve โตเร็วมาก   https://www.thecoast.net.nz/news/kiwis-get-rare-glimpse-at-baby-neve-as-she-joins-jacinda-ardern-for-waitangi-day-celebrations/

https://www.labour.org.nz/jacindaardern


###