เก็บตกทริป The Solar Monk บุกออสเตรเลีย ส่องความก้าวหน้า Solar Cell

29  เม.ย. 2559- ProgressTH-  เมื่อเร็วๆนี้ พระครูวิมลปัญญาคุณ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนศรีแสงธรรม หรือ ที่หลายคนเรียกว่า “โรงเรียนโซลาร์เซลล์” เพราะทั้งไฟฟ้าทั้งโรงเรียนมาจากพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมด   ซึ่งโด่งดังทั้งในไทยและต่างประเทศ จนได้รับฉายาว่า The Solar Monk ได้เดินทางไปประเทศออสเตรเลียเพราะได้รับนิมนต์เครือข่ายชาวพุทธซึ่งไม่ได้พบกันมานานหลายปี    

พระอาจารย์​ จึงได้ใช้โอกาสนี้สำรวจความเจริญก้าวหน้าเรื่องโซลาร์เซลล์ในออสเตรเลียซึ่งมีชื่อเสียงมากเรื่องการใช้พลังงานสะอาด  โดยหวังว่าอาจจะสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับประเทศไทยได้บ้าง


หลังเดินทางกลับมาจากออสเตรเลีย  ทำให้พระอาจารย์ได้เห็นภาพต่างๆชัดขึ้นว่า เหตุที่ไทยยังไม่มีการใช้โซลาร์เซลล์อย่างแพร่หลายเหมือนออสเตรเลีย ไม่ใช่ปัญหาเรื่องเทคโนโลยีแต่อย่างใด  แต่เป็นปัญหาเรื่องนโยบายซึ่งมาจากวิสัยทัศน์ของผู้ประเทศ/ผู้กำหนดนโยบายต่างหากที่ทำให้ประเทศไทยไปไม่ถึงจุดนั้น   



รัฐบาลออสเตรเลีย : ช่วยลงทุนพร้อมรับซื้อไฟฟ้า


พระอาจารย์ เล่าให้ฟังว่า  ที่ประเทศออสเตรเลียมีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เยอะมาก โดยเฉพาะเมืองอเดเลต  ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของออสเตรเลีย  ประชาชนที่นั่นติดโซล่าร์เซลล์แทบทุกหลังคาเรือน โดยจากการสอบถามพบว่า เหตุที่ประชาชนติดโซล่าร์เซลล์กันเยอะ เพราะได้รับการสนับสนุนจากรัฐ ที่อยากให้ประชาชนใช้พลังงานสะอาด ที่ออสเตรเลียรัฐบาลเขามีความชัดเจนเรื่องนโยบายมาก  ทั้งช่วยลงทุนและซื้อไฟฟ้าคืน และยังสามารถนำไปลดภาษีได้ด้วย
 “การติดตั้งรัฐจะลงทุนให้ 50% รวมถึงมีการรับซื้อคืนด้วย   การติดตั้งก็ง่ายๆ แค่โทรไปก็มีบริษัทมาติดตั้งให้ทันที  โดยที่เจ้าของบ้านแทบไม่ต้องทำอะไรเลย  ไม่ต้องไปทำเรื่องขอหน่วยงานนั้นหน่วยงานนี้ให้ยุ่งยาก  ทำให้ประชาชนที่นี่แทบทุกหลังคาเรือนอย่างน้อย 2-3  Kw. โดยหากช่วงที่รัฐรับซื้อไฟในราคาที่ลดลง  ราคาการติดตั้งก็จะลดลงด้วย ทุกอย่างจัดการแบบเป็นระบบเป็นเอกภาพ”


พระอาจารย์ แจงต่อไปว่า ที่ออสเตรเลียไฟฟ้า 1.8 Kw.ราคาประมาณ 18,000 Au$  ออสเตรเลีย(468,000 บาท)  ซึ่งถือว่าแพงมาก  แต่รัฐจะช่วยลงทุน 50%  เพราะฉะนั้น ประชาชนจ่ายเพียงแค่ 9,000 Au$ (234,000 บาท) เท่านั้น พร้อมกับซื้อไฟคืนหน่วยละ 50 เซนต์ (13 บาท)  ดังนั้น ถ้าวันหนึ่งผลิตไฟได้ 7.2 หน่วยก็คือได้วันละ 93.6 บาท 1 ปี คิดเป็นเงิน  34,164 บาท  ประมาณ 6 ปี 8 เดือนก็จะคืนทุนทันที เหลือจากนั้นคือใช้ไฟฟรีและยังมีรายได้เพิ่มด้วย” พระอาจารย์คำนวนอย่างรวดเร็ว




รัฐบาลไทย : "สายส่งเต็ม"แต่หนุนโรงไฟฟ้าถ่านหิน?


พระอาจารย์ กล่าวต่อว่า   อยากทราบเรื่องการบริหารจัดการไฟของที่นั่นมากว่าเขาทำกันอย่างไร นำไฟเข้าสายไฟส่งอย่างไร แต่รายละเอียดดังกล่าวต้องสอบถามเจ้าหน้าที่อย่างเป็นทางการ ซึ่งในส่วนของภาครัฐหากมีหน่วยงานใดไปดูงานที่นั่นน่าจะสามารถสอบถามและเข้าถึงข้อมูลตรงนี้ได้มากกว่า ในส่วนที่อาตมาทำได้ก็เพียงแค่ข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น   จีงหวังว่าหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูงานที่นั่นก็อยากให้สอบถามเรื่องนี้ด้วย เพราะเป็นเรื่องที่มีประโยชน์มาก  


“อยากให้ไปดูงานไม่ใช่ไปเที่ยว ให้ดูการบริหารจัดการไฟฟ้าเขาทำอย่างไรจึงไม่เต็มสายส่งทั้งที่ไมโครกริดเต็มเมืองอย่างนั้น เพราะมีข่าวเรื่องประชาชนอยากใช้โซลาร์เซลล์ทีไร จะมีคนออกมาบอกว่าไฟเต็มสายส่ง  ก็สงสัยอยู่ว่าเต็มได้อย่างไร แล้วทำไมยังคิดที่จะสร้างโรงงานไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มสายส่งไม่เต็มหรือ  ยอมรับว่าไม่เข้าใจจริงๆ"


ผู้ก่อตั้งโรงเรียนศรีแสงธรรม กล่าวต่อไป  นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสไปเยี่ยมสำนักงานขาย Tesla Powerwall  ซึ่งอาตมาติดตามเรื่องนี้มานานมาก  โดยราคาทั้งระบบทั้งแผงโซลาร์เซลล์ ขนาด 3 Kw. อายุ 25 ปี แบตเตอรี่ที่มีการรับประกัน 10 ปี ราคาอยู่ที่ 10,500 Au$ หรือคิดเป็น  273,000 บาท หรือกิโลวัตต์ละประมาณ 90,000 บาท  ซึ่งถือว่าถูกมาก  ในขณะที่เมืองไทยอยู่ที่กิโลวัตต์ละ 120,000 บาท และแบตเตอรี่ใช้ได้เพียง 5 ปีเท่านั้น


"Tesla Powerwall  ถือเป็นเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก เป็นไฟฟ้าไร้สายที่สามารถใช้ได้กับทุกสถานที่  เราสามารถทำเป็นระบบ stand alone คือไม่ยุ่งกับการไฟฟ้าเลยผลิตเองใช้เอง หรือจะทำเป็นแบบ hybrid system คือเอาไฟของการไฟฟ้ามาเป็นไฟสำรองในภาวะฉุกเฉิน ถ้าสภาวะปกติก็ใช้ไฟจากบ้านเราเอง หรือ (ฝันไปว่า) ถ้ารัฐรับซื้อเราก็ทำเป็นแบบ on grid ได้สบายมาก ดังนั้น อยากให้รัฐช่วยลดภาษีเพื่อให้ชาวบ้านได้มีโอกาสเข้าถึงโซลาร์เซลล์มากขึ้น  เหมือนกับที่รัฐลดภาษีให้การส่งเสริมการลงทุนขนาดใหญ่(BOI) บ้าง"




คนไทยพร้อมสู่ยุคพลังงานสะอาด


หันกลับมาที่ประเทศไทย  พระอาจารย์บอกว่า  ความจริงแล้วในด้านเทคโนโลยีระหว่างไทยกับออสเตรเลียแทบไม่ต่างกัน  เพราะประเทศไทยมีพร้อมทุกอย่าง  ทั้งเทคโนโลยี และ ความรู้ ที่ชาวบ้านจำนวนวนมากมีความรู้ความเข้าใจเรื่องนี้ดี   ขาดแต่วิสัยทัศน์ของผู้กำหนดนโยบายเท่านั้นที่ไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในการส่งเสริมเรื่องนี้  เพราะยังไม่สามารถก้าวพ้นพลังงานสกปรกจากฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาดได้  

“อย่างไรก็ตามเป็นที่น่ายินดีว่า ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสนใจเรื่องนี้มาโดยตลอด โดยเฉพาะการทำงานของโรงเรียนศรีแสงธรรม และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการใช้โซลาร์เซลล์ ที่มีการพูดถึงในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” หลายครั้ง แต่กระบวนการส่งเสริมต่างๆ ยังเป็นไปด้วยความล่าช้า  ซึ่งหากความเจริญก้าวหน้าจะเกิดขึ้นภายใต้การบริหารประเทศของท่าน  อาตมายินดีสนับสนุนที่ท่านจะทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ” พระครูวิมลปัญญาคุณ กล่าว

ขณะนี้คนไทยพร้อมแล้วที่จะก้าวไปสู่ยุคพลังงานสะอาดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เหลือเพียงแต่ผู้กำหนดนโยบายเท่านั้น ที่ยังไม่พร้อม ซึ่งกลายเป็นปัญหาที่ยากที่สุด  เพราะไม่มีใครสามารถเปลี่ยนได้ เพราะเป็นเรื่องวิสัยทัศน์ที่แต่ละคนจะพึงมี  ต้องเปลี่ยนด้วยตัวเขาเอง   ก็ได้แต่หวังซักวันหนึ่งประเทศไทยจะมีผู้นำคนหนึ่งเข้ามาเปลี่ยนแปลงตรงนี้ได้  เพราะหากมีการปลดล็อคเชิงนโนบายแล้วประเทศไทยจะก้าวเป็นประเทศแห่งการใช้พลังงานสะอาดทันที

เดินหน้าให้แสงสว่างชุมชน


พระอาจารย์ กล่าวว่า  เหตุที่ขับเคลื่อนเรื่องโซล่าร์เซลล์อย่างเต็มที่  เพราะอยากเห็นคนไทยพึ่งตนเองในเรื่องพลังงานได้ และคนไทยสนใจเรื่องนี้มากเพราะอยากใช้พลังงานสะอาดและอยากช่วยประเทศชาติลดการผลิตไฟฟ้า ลดการใช้ฟอสซิลที่ก่อให้เกิดมลพิษ  อีกทั้งเมืองไทยมีแดดเยอะมากอากาศร้อนมาก ควรมีการใช้ประโยชน์จากแดดให้มากที่สุด  ซึ่งแม้ว่าตอนนี้รัฐยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องนี้ แต่อาตมาก็จะไม่ท้อ จะมุ่งมั่นให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องนี้ต่อไปและช่วยเหลือคนที่ยากไร้ต่อไป


โดยในวันที่ 7-8 พ.ค.นี้จะมีการอบรมเรื่องโซลาร์เซลล์เพื่อให้ความรู้ประชาชนท่ีสนใจ ต่อจากนั้นในวันที่ 9-11 พ.ค.นี้ อาตมาจะเดินไปที่ภูเก็ตทันที เพื่อช่วยเหลือชาวเลที่หาดราไวย์ ที่ทุกวันนี้ยังไม่มีไฟฟ้าใช้กว่า 20 หลังคาเรือน เพื่อนำโซลาเซลล์ซึ่งเป็นแสงสว่างไปให้พวกเขา โดยอย่างน้อยทุกบ้านจะมีไฟฟ้าใช้ 2 หลอด และ พัดลมคลายร้อน 1 ตัว  หวังว่าจะช่วยเขาได้บ้าง  ซึ่งต้องขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่บริจาคเงินสนับสนุนการช่วยเหลือชาวบ้านครั้งนี้  เพราะเราคนไทยต้องช่วยกัน


ติดตาม  ProgressTH.org   Facebook ที่นี่ หรือ Twitter ที่นี่ 


หลังกลับมาจากออสเตรเลีย พระครูวิมลปัญญาคุณ  ลงพื้นที่พูดคุยกับชาวเลที่หาดราไวย์ เพื่อเตรียมการช่วยเหลือติดตั้งโซล่าเซลล์ให้กับชาวบ้านที่ไม่มีไฟฟ้าใช้