ล่าสุด ทางกลุ่มได้ทำโครงการ “Smart Farm ต้นทุนต่ำ" เพื่อแก้ปัญหาที่คนส่วนใหญ่ต้องประสบ ไม่ว่าจะเป็น มีที่ดินน้อย มีทุนน้อย ไม่มีแรงงาน และไม่มีเวลา เพราะฉะนั้นโครงการนี้จึงถูกออกแบบมาเป็นการเกษตรสำหรับคนขี้เกียจ ไม่มีเวลา เพราะทุกอย่างจะถูกตั้งเวลาแบบอัตโนมัติทั้งหมด เพื่อเป็นการประหยัดเวลาและแรงงาน
พื้นที่แรกสำหรับโมเดลนี้ ทางกลุ่มได้เลือกพื้นที่ บ้านทุ่งยาว อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ที่โหดที่สุด หินที่สุด เพราะเป็นพื้นที่เนินเขาและมีหินจำนวนมาก แห้งแล้ง น้ำในลำธาร แห้งขอด ดินร่วนทราย มองดูแล้วต้องยากแน่ๆที่จะปลูกพืชผักในพื้นที่แบบนี้ แต่ทางทีมก็เลือกพื้นที่นี้ เพื่อที่พิสูจน์ว่า เราสามารถทำสมาร์ทฟาร์มเกษตรอินทรีย์ได้ทุกพื้นที่
โดยขั้นตอนการทำฟาร์มครั้งนี้ที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.2559 เป็นต้นมา จะถูกบันทึกทั้งหมด ทั้งในแบบรูปถ่ายและวิดิโอ และจะเสนอเป็นเรื่องราวเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับพื้นที่อื่นๆด้วย เราจะเดินไปพร้อมๆกัน ตั้งแต่จุดเริ่มต้น ปัญหาอุปสรรคต่างๆ และจะพยายามทุกทาง จนประสบความสำเร็จ
ทั้งนี้บนพื้นที่รกร้างว่างเปล่าประมาณ 10 ไร่ ถูกวางไว้ว่าจะเป็นพื้นที่ปลูกผักและไม้ยืนต้นเพื่อเป็นแหล่งอาหารและแหล่งรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยชาวบ้านรับผิดชอบร่วมกัน
เริ่มจากการเตรียมดิน ถือเป็นจุดที่ยากที่สุด ที่ประชาชนในพื้นที่กลัวว่าดินของพวกเขาคงจะไม่สามารถเพาะปลูกอะไรได้ เพราะเป็นดินผสมหินตั้งอยู่บนพื้นที่แห้งแล้ง แต่ในที่สุดพวกเขาก็ไม่ล้มเลิกความตั้งใจและใช้หลักการปลูกพืชพร้อมกับการบำรุงดิน ซึ่งได้รับคำแนะนำจาก สำราญ อ่วมอั๋น ว่าเราสามารถเพาะปลูกได้ทุกพื้นที่ ด้วยการทำร่องเป็นรูปตัว V และ ใส่ปุ๋ยหมักแห้งโบกาฉิ ซึ่งเป็นการทำปุ๋ยหมักผสมกับน้ำจุลินทรีย์ชีวภาพ และปลูกพืชบนปุ๋ยหมักได้เลย
ขณะเดียวกันทางกลุ่มก็การเพาะผัก เพื่อนำไปปลูกในแปลง ซึ่งทำพร้อมๆไปกับการเตรียมดิน โดยการเพาะครั้งนี้ได้มีการนำไฟ LED เข้ามาใช้ด้วย ซึ่งทำเปอร์เซ็นการงอกและการเติบโตของผักเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น อีกทั้งได้แบ่งเวลาไปร่วมอบรม Participatory Guarantee System (PGS) ซึ่งมีการริเริ่มจาก ริเริ่มขึ้นโดยสมาพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ หรือที่รู้จักกันในชื่อย่อว่า IFOAM (International Federation of Organic Agriculture Movements) เพื่อสนับสนุนเกษตรอินทรีย์ในท้องถิ่น ซึ่งจัดโดยกรีนเนท
ต่อจากนั้น ตามด้วยการติดตั้งระบบน้ำ โดยกลุ่มเกษตรกรบ้านทุ่งยาวเลือกระบบน้ำสปริงเกอร์แบบประหยัดน้ำ 100ลิตร/ชม. ตามเป้าหมายการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีคุณค่าพร้อมระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ควมคุมด้วยระบบอัติโนมัติแบบ Smart Farm และติดตั้งระบบหม้อปุ๋ย เพื่อใส่ปุ๋ยไปพร้อมๆกับการให้น้ำ เพื่อลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิง แรงงาน และ เวลาไปพร้อมกัน
อนุพงษ์ ตรงจริง ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้ กล่าวว่า สองสัปดาห์ผ่านไปเราได้ลงมือปลูกผักลงแปลงกันแล้ว โดยลงมือทำตั้งแต่เช้ายันค่ำ ด้วยแสงสว่างจากโซลาร์เซลล์ พลังความสามัคคีของชาวบ้าน พร้อมพลิกพื้นที่ทำกินและแนวคิดการเกษตรแบบใหม่ที่ลดต้นทุนและ แรงงาน คืนความเขียวขจีให้ธรรมชาติ สร้างแหล่งผลิตผักและผลไม้เกษตรอินทรีย์ให้กับตนเองและผู้อื่น
“การวางแผนทำงานแม้จะเหนื่อยวันนี้เพื่อไม่เหนื่อยในวันหน้า แล้วเอาเวลาไปศึกษาต่อยอดเกษตรอินทรีย์ โดยจะเริ่มจากผักอินทรีย์ 1 ไร่ครึ่ง ที่กลุ่มเกษตรกรบ้านทุ่งยาว จะทำภายใต้แนวคิด ปลูกกิน เหลือขาย และเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ต่อยอด เราจะสร้างแหล่งอาหารที่ปลอดภัยไว้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องตนเองและผู้อื่น” อนุพงษ์ กล่าว
...........ติดตามชมการแต่งแต้มสีเขียวให้กับพื้นที่แห้งแล้งต่อไป..........To Be Continued.
เครดิตภาพจาก FB ไร่ตรงจริง สวนเกษตรอินทรีย์
ร่วมแรงร่วมใจปรับพื้นที่ ด้วยการขุดร่องแบบตัว V ใส่ปุ๋ยหมักแห่งโบกาฉิ ซึ่งจะเป็นการปลูกและการปรับปรุงดินไปพร้อมๆกัน |
เรียนรู้เทคโนโลยีโซลาร์เซลล์ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำฟาร์มระบบอัตโนมัติ |
Add caption |
วางโครงสร้างระบบน้ำ ที่จะใช้ระบบน้ำหยดและสปริงเกอร์ตามความเหมาะสมของพืชแต่ละชนิด มีการตั้งเวลาเปิดปิดอัตโนมัติ |