เปิดวิสัยทัศน์การแก้โควิด19 จากกุญซือของ Jecinda Ardern

12 เม.. 64 – ProgressTH.org – By Katibza  

หมายเหตุ - บทความนี้เรียงมาจากบันทึกการประชุม  GlobalEconomic and Health Outlook ของ    World Economic Forum  เมื่อเร็วๆนี้ 

Image: UN WOMEN NATIONAL COMMITTEE AOTEAROA    Jacinda Ardern และ Helen Clark 


ทั้งนี้  Helen Clark  เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของนิวซีแลนด์ (1999- 2008) เหตุที่ผู้เขียนสนใจบทความนี้ เพราะโดยส่วนตัวมีชอบการทำงานของนายกรัฐมนตรี  Jecinda  Ardern ของนิวซีแลนด์  ซึ่งเป็นผู้นำแนวหน้าของโลกที่มีความโดดเด่นในการแก้ปัญหาโควิด19 

 โดย  Jecinda มีความสามารถในการสื่อสารทางการเมืองกับสาธารณะได้อย่างแหลมคม ลึกซึ้ง เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ (Emphaty)  ความรัก (Love)  และ หนักแน่นในความถูกต้องและคุณธรรม (Intrigity)   และสามารถระดมความร่วมมือร่วมใจจากประชาชนได้ จนได้รับฉายาว่าเป็น นักการเมืองที่ดีที่สุดในโลก  และ นายกรัฐมนตรีที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลก   


ทั้งนี้  Jecinda เคยทำงานเป็นนักวิจัยด้านนโยบายในสมัยรัฐบาลของ  Helen ในช่วงปี 2000 ซึ่งเป็นงานทางการเมืองแรกๆของ Jecinda ก่อนที่จะย้ายไปทำงานที่อังกฤษของรัฐบาล Tony Blair เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านงานทางการเมือง  

ตลอดเส้นทางการเมืองของ Jecinda  มักจะมี Helen เป็นผู้สนับสนุนเสมอ  และในฐานะที่ Jecinda เป็นผู้นำระดับโลกที่ประสบความสำเร็จในเรื่องการจัดการโควิด19 จนทำให้นิวซีแลนด์เป็นประเทศแรกๆที่สามารถถอด Mask ได้  จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่า Helen  ในฐานะที่เป็นเสมือนเป็นกุญซือของ Jecinda (ความเห็นผู้เขียน) ว่าจะมีวิสัยทัศน์ในเรื่องการจัดการโควิด19 อย่างไร 

 Helen  Clark   ในฐานะประธานร่วมคณะกรรมการอิสระเพื่อการเตรียมความพร้อมและการตอบสนองต่อการระบาดของโรคระบาด อธิบายถึงสิ่งที่เราสามารถเรียนรู้จากโควิด -19 เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการระบาดในอนาคต  โดยมีใจความสำคัญเรื่อง

-          ระบบแจ้งเตือน

-          การเตรียมการและการเตรียมความพร้อมที่ประสานกันในระดับสากล

โดย Helen บอกว่า  "ในระยะเริ่มแรกของการระบาด เราไม่ได้มีการเตรียมตัวรับมือกันเลย  แม้ว่าจะมีการเตือนถึงความเสี่ยงในการแพร่ระบาดมานานหลายปี แต่หลายประเทศก็ไม่ได้เตรียมพร้อมอย่างเพียงพอสำหรับเหตุการณ์นี้

หลังจากการประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเกี่ยวกับความกังวลระหว่างประเทศในเดือนกุมภาพันธ์ (2020)  ดูเหมือนว่าทั่วโลกจะนั่งรอและไม่ได้ใช้เวลานั้นจริงๆในการวางมาตรการที่จะควบคุมการระบาดอย่างที่ควรจะเป็น เลยทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้กลายเป็นประวัติศาสตร์ที่เป็นวิกฤตทางสังคมและเศรษฐกิจในวงกว้างซึ่งตามมาพร้อมกับการแพร่ระบาด  ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นความผิดพลาดที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น"

ระบบเฝ้าระวังและแจ้งเตือนใหม่

อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงนิวซีแลนด์ กล่าวว่า  เราต้องการ "ระบบเฝ้าระวังและแจ้งเตือนที่รวดเร็วและโปร่งใสมากขึ้น  และเห็นว่าระบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่ใช่ระบบที่ออกแบบมาสำหรับยุคดิจิทัล

 ระบบที่เราต้องการจะต้องใช้เครื่องมือที่ทันสมัยที่สุดเพื่อให้สามารถตรวจจับและรายงานภัยคุกคามการแพร่ระบาดได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงและหลายวันไม่ใช่สัปดาห์ หรือ เรียกว่าเป็น แบบ Real time นั่นเอง 

"เราอยู่ในศตวรรษที่ 21 เราไม่ได้อยู่ในยุคของโรคระบาดในยุคกลางหรือยุคมืด  (ที่มีโรคระบาดเกิดขึ้นและคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 75-200 ล้านคน) ที่โรคเดินทางโดยการเดินเท้า การติดเชื้อเชื้อโรคเหล่านี้สามารถอยู่บนเครื่องบิน  เพราะฉะนั้น เราจะเสียเวลาอีกต่อไปไม่ได้ "

 "การแจ้งเตือนจะต้องนำไปสู่การตอบสนองอย่างรวดเร็วของทุกประเทศ เมื่อผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของความกังวลระหว่างประเทศ ทุกคนต้องตอบรับ"

" การรับมือกับการระบาดที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด  มาจากการที่ประเทศนั้นๆ มีผู้นำที่แข็งแกร่ง มีการประสานงานทั้งภาครัฐในหน่วยงานต่างๆ และมีการสื่อสารกับประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ และแน่นอนว่าต้องมีการมีส่วนร่วมในสังคม"

 

ขณะนี้ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อทะลุ 120 ล้านคน ภาพ:  Our World in Data

ระบบที่ประสานงานระหว่างประเทศ

 Helen กล่าวต่อว่า  "เราจำเป็นต้องคิดถึงการเตรียมความพร้อมและการตอบสนองระดับโลก ในฐานะผลประโยชน์สาธารณะระดับโลก และนั่นหมายถึงการคิดที่เกินไปกว่าเรื่องความช่วยเหลือและการพัฒนา เพราะต้องมีการคิดเรื่องการสนับสนุนทางการเงินเพื่อประโยชน์สาธารณะระดับโลกด้วย

 นอกจากนี้ยังต้องมีการเจรจาต่อรองล่วงหน้าอย่างเป็นระบบ ในเรื่องของการจัดหาเครื่องมือต่างๆ  ต้องเป็นระบบที่สามารถรับมือโควิด19  ได้  ซึ่งเราสามารถเรียนรู้จากวิกฤตที่เกิดขึ้น และสร้างระบบใหม่ขึ้นมาได้

ความร่วมมือพหุภาคีไม่ได้แข็งแกร่งมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ในปัจจุบันเมื่อเราเผชิญกับอันตรายที่่ชัดเจนต่อมนุษย์ทุกคนโลกแบบ  เราจึงต้องมารวมกันเพื่อสร้างระบบที่แข็งแกร่งขึ้นเพื่อรองรับการเตรียมความพร้อมและการตอบสนอง ค้นหาทรัพยากร การร่วมมือกันระดับสูงสุดให้มากที่จะทำได้ ด้วยการแบ่งปันข้อมูลในเรื่องการติดต่อของเชื้อโรค"

 เธอทิ้งท้ายว่า ในการเสวนาครั้งนี้ เราคิดว่าประเด็นรื่องการเตรียมการรับมือภาวะการระบาดควรถูกยกให้เหนือกว่าข้อระเบียบๆต่างๆ ของด้านการสาธารณสุข โดยติดต่อประสานงานผ่าน WHO  เราต้องทำให้เรื่องนี้เป็นที่สนใจของรัฐบาลไม่ใช่ในระดับประเทศ แต่ต้องเป็นประเด็นร่วมกันของโลกด้วย

ทั้งหมดนี้หากพิจารณาในเรื่องการสื่อสารทางการเมืองจะพบว่า  ทั้ง Helen และ  Jecinda ใช้การสื่อสารทางการเมืองที่กระชับ  เห็นภาพ และเร่งให้ทุกคนลุกขึ้นแก้ปัญหา และทำให้รู้สึกว่าเราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการคลี่คลายวิกฤตที่เกิดขึ้น หากเราโฟกัสที่จะแก้ปัญหาจริงๆ ซึ่งต้องทำเป็นองค์รวมทั่วโลก 


ติดตาม  ProgressTH.org   Facebook ที่นี่ หรือ Twitter ที่นี่